การ Setup PPPoE แบบ Bridge mode บน CentOS 5.3 คงอธิบายยาว หน่อยเพราะเป็น ระบบ manual ทั้งหมด
หากใครติดตั้ง CC อยู่ แล้วไม่ต้องอ่านก็ได้ ไล่ดู copy list file ทั้งหมดด้านล่างแล้ว copy เอามาใส่ทับได้เลย
1. ตรวจสอบ interface eth1 กันก่อน หลังใช้คำสั่ง more ดูหน้าตาควรเป็น แบบนี้
more /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth1
# Realtek Semiconductor Co., Ltd. RTL-8139/8139C/8139C+
DEVICE=eth1
BOOTPROTO=static
BROADCAST=192.168.2.255
HWADDR=00:0C:29:39:56:80
IPADDR=192.168.2.254
NETMASK=255.255.255.0
NETWORK=192.168.2.0
ONBOOT=yes
ส่วนที่ทำ สีแดงไว้ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม มันขึ่นอยู่กับ class ip ที่ตั้งไว้ตอนแรก กับ ค่า MAC ADDRESS ของ Card Lan ใบนั้น
2. แก้ไข ค่า eth0 และ eth2 (จากบทความ How to : การติดตั้ง CentOS 5.3 เพื่อรองรับ ระบบ multiwan ผมมี Card อยู่ 3 ใบ eth0 eth1 eth2)
แก้ไข eth0
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth0
แก้ไขค่าเก่าให้เหลือแค่ 3 บรรทัดนี้
DEVICE=eth0
HWADDR=00:0C:29:39:56:76
ONBOOT=yes
กด Ctrl+x และกด y เพื่อ save และออกมาครับ
ส่วนที่ทำ สีแดงไว้ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม ใช้ตามค่า MAC ADDRESS ของ Card Lan ใบนั้น ปกติ ถ้ามันเห็นจะมีค่านี้ใส่ติดมาให้ตั้งแต่แรกไม่ต้องลบออกครับ
ทำแบบนี้เช่นเดียวกันกับ eth2
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth2
แก้ไข ให้เหลือ 3 บรรทัดสำคัญ
DEVICE=eth2
HWADDR=00:0C:29:39:56:8A
ONBOOT=yes
กด Ctrl+x และกด y เพื่อ save และออกมาครับ
ส่วนที่ทำ สีแดงไว้ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม ใช้ตามค่า MAC ADDRESS ของ Card Lan ใบนั้น ปกติ ถ้ามันเห็นจะมีค่านี้ใส่ติดมาให้ตั้งแต่แรกไม่ต้องลบออกครับ
เสร็จแล้วสั่ง service network restart
service network restart
Shutting down interface eth0: [ OK ]
Shutting down interface eth1: [ OK ]
Shutting down interface eth2: [ OK ]
Shutting down loopback interface: [ OK ]
Disabling IPv4 packet forwarding: net.ipv4.ip_forward = 0 [ OK ]
Bringing up loopback interface: [ OK ]
Bringing up interface eth0: [ OK ]
Bringing up interface eth1: [ OK ]
Bringing up interface eth2: [ OK ]
สั่ง ifconfig chek interface ดู
ifconfig
eth0 Link encap:Ethernet HWaddr 00:0C:29:39:56:76
inet6 addr: fe80::20c:29ff:fe39:5676/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:902 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:207 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:91878 (89.7 KiB) TX bytes:35488 (34.6 KiB)
Interrupt:59 Base address:0x2000
eth1 Link encap:Ethernet HWaddr 00:0C:29:39:56:80
inet addr:192.168.232.253 Bcast:192.168.232.255 Mask:255.255.255.0
inet6 addr: fe80::20c:29ff:fe39:5680/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:286 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:340 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:27164 (26.5 KiB) TX bytes:57425 (56.0 KiB)
Interrupt:67 Base address:0x2080
eth2 Link encap:Ethernet HWaddr 00:0C:29:39:56:8A
inet6 addr: fe80::20c:29ff:fe39:568a/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:723 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:200 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:53721 (52.4 KiB) TX bytes:40694 (39.7 KiB)
Interrupt:75 Base address:0x2400
lo Link encap:Local Loopback
inet addr:127.0.0.1 Mask:255.0.0.0
inet6 addr: ::1/128 Scope:Host
UP LOOPBACK RUNNING MTU:16436 Metric:1
RX packets:19 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:19 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:0
RX bytes:1517 (1.4 KiB) TX bytes:1517 (1.4 KiB)
ขึ้นแบบนี้ เท่ากับว่า พร้อมการ Setup PPPoE แบบ Bridge mode แล้ว เสร็จครึ่งแรก 3. นำสาย Lan (RJ-45) เสียบเข้า กับ eth0 และ eth2 แบบนี้
Modem-01 ==== สาย lan (RJ-45) ==== Eth0
Eth1 เสียบเข้า Switch อยู่แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมัน
Modem-02 ==== สาย lan (RJ-45) ==== Eth2
แบบเดียวกับการต่อ ของ CC นั่นหล่ะ ครับ
4. ทำการ ใส่ user และ Password ของ ADSL แต่หละเส้น ผมใช้ manual หมด หากมีของที่ Copy มาจาก CC อยู่แล้ว เอามาใส่ได้เลย
nano /etc/ppp/chap-secrets
ใส่ user pass เรียงตามนี้ไปเลยครับเข้าใจง่ายดี
"032389XXX@platinumcyber" * "032389XXX" #PPP0
"h1r66XXX@maxnet" * "XXXXXXXX" #PPP1
ตัวสีแดงหละสีเขียวไม่ต้องใส่ไปนะครับอธิบายให้เห็นว่า ppp0 อยู่บนสุด ppp1 อยู่อันที่สอง
nano /etc/ppp/pap-secrets
ใส่เหมือนกันเลย
"032389XXX@platinumcyber" * "032389XXX" #PPP0
"h1r66XXX@maxnet" * "XXXXXXXX" #PPP1
ตัวสีแดงหละสีเขียวไม่ต้องใส่ไปนะครับอธิบายให้เห็นว่า ppp0 อยู่บนสุด ppp1 อยู่อันที่สอง
5. ต่อเลยครับสร้าง scripts เวลาสั่ง network restart ได้ทำการ dial ADSL ให้เรา Auto
touch /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp0
touch /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp1
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp0
ใส่ค่าตามนี้สำหรับ ppp0
DEVICE="ppp0"
TYPE="xDSL"
USERCTL="no"
BOOTPROTO="dialup"
NAME="DSLppp0"
ONBOOT="yes"
PIDFILE="/var/run/pppoe-ppp0.pid"
FIREWALL="NONE"
PING="."
PPPOE_TIMEOUT="80"
LCP_FAILURE="5"
LCP_INTERVAL="20"
CLAMPMSS="1412"
CONNECT_POLL="6"
CONNECT_TIMEOUT="80"
DEFROUTE="no"
SYNCHRONOUS="no"
ETH="eth0"
PROVIDER="DSLppp0"
USER="0032389XXX@platinumcyber"
PEERDNS="no"
ต้องเหมือนกับ user ที่ใส่ไว้ใน chap-secrets ที่ทำไว้ก่อนหน้าทุกตัว
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp1
ใส่ค่าตามนี้สำหรับ ppp1
DEVICE="ppp1"
TYPE="xDSL"
USERCTL="no"
BOOTPROTO="dialup"
NAME="DSLppp1"
ONBOOT="yes"
PIDFILE="/var/run/pppoe-ppp1.pid"
FIREWALL="NONE"
PING="."
PPPOE_TIMEOUT="80"
LCP_FAILURE="5"
LCP_INTERVAL="20"
CLAMPMSS="1412"
CONNECT_POLL="6"
CONNECT_TIMEOUT="80"
DEFROUTE="yes"
SYNCHRONOUS="no"
ETH="eth2"
PROVIDER="DSLppp1"
USER="h1r66XXX@maxnet"
PEERDNS="no"
ต้องเหมือนกับ user ที่ใส่ไว้ใน chap-secrets ที่ทำไว้ก่อนหน้าทุกตัว
เสร็จส่วนของการตั้งค่า ADSL สำหรับ CentOS 5.3 ครับ ทดสอบสั่ง service network restart
service network restart
หากทำถูกต้องหมดจะขึ้นแบบนี้
ติดไว้ก่อนครับพอดีมีคนใช้งาน อยู่เลยสั่งให้ตอนนี้ไม่ได้เดี่ยวเอามาใส่ให้ทีหลังครับ
สำหรับท่านที่ มี CC อยู่แล้วสามารถ copy file ดังต่อไปนี้มาทับที่เดียวกันได้เลยครับ
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth0
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth1
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth2
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp0
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp1
/etc/ppp/chap-secrets
/etc/ppp/pap-secrets
0 comments:
Post a Comment