How to : การ Setup PPPoE แบบ Bridge mode บน CentOS 5.3
Ton-Or — 22 August, 2009 - 13:11
หากใครติดตั้ง CC อยู่ แล้วไม่ต้องอ่านก็ได้ ไล่ดู copy list file ทั้งหมดด้านล่างแล้ว copy เอามาใส่ทับได้เลย
1. ตรวจสอบ interface eth1 กันก่อน หลังใช้คำสั่ง more ดูหน้าตาควรเป็น แบบนี้
more /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth1
# Realtek Semiconductor Co., Ltd. RTL-8139/8139C/8139C+
DEVICE=eth1
BOOTPROTO=static
BROADCAST=192.168.2.255
HWADDR=00:0C:29:39:56:80
IPADDR=192.168.2.254
NETMASK=255.255.255.0
NETWORK=192.168.2.0
ONBOOT=yes
ส่วนที่ทำ สีแดงไว้ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม มันขึ่นอยู่กับ class ip ที่ตั้งไว้ตอนแรก กับ ค่า MAC ADDRESS ของ Card Lan ใบนั้น
2. แก้ไข ค่า eth0 และ eth2 (จากบทความ How to : การติดตั้ง CentOS 5.3 เพื่อรองรับ ระบบ multiwan ผมมี Card อยู่ 3 ใบ eth0 eth1 eth2)
แก้ไข eth0
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth0
แก้ไขค่าเก่าให้เหลือแค่ 3 บรรทัดนี้
DEVICE=eth0
HWADDR=00:0C:29:39:56:76
ONBOOT=yes
กด Ctrl+x และกด y เพื่อ save และออกมาครับ
ส่วนที่ทำ สีแดงไว้ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม ใช้ตามค่า MAC ADDRESS ของ Card Lan ใบนั้น ปกติ ถ้ามันเห็นจะมีค่านี้ใส่ติดมาให้ตั้งแต่แรกไม่ต้องลบออกครับ
ทำแบบนี้เช่นเดียวกันกับ eth2
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth2
แก้ไข ให้เหลือ 3 บรรทัดสำคัญ
DEVICE=eth2
HWADDR=00:0C:29:39:56:8A
ONBOOT=yes
กด Ctrl+x และกด y เพื่อ save และออกมาครับ
ส่วนที่ทำ สีแดงไว้ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม ใช้ตามค่า MAC ADDRESS ของ Card Lan ใบนั้น ปกติ ถ้ามันเห็นจะมีค่านี้ใส่ติดมาให้ตั้งแต่แรกไม่ต้องลบออกครับ
เสร็จแล้วสั่ง service network restart
service network restart
Shutting down interface eth0: [ OK ]
Shutting down interface eth1: [ OK ]
Shutting down interface eth2: [ OK ]
Shutting down loopback interface: [ OK ]
Disabling IPv4 packet forwarding: net.ipv4.ip_forward = 0 [ OK ]
Bringing up loopback interface: [ OK ]
Bringing up interface eth0: [ OK ]
Bringing up interface eth1: [ OK ]
Bringing up interface eth2: [ OK ]
สั่ง ifconfig chek interface ดู
ifconfig
eth0 Link encap:Ethernet HWaddr 00:0C:29:39:56:76
inet6 addr: fe80::20c:29ff:fe39:5676/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:902 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:207 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:91878 (89.7 KiB) TX bytes:35488 (34.6 KiB)
Interrupt:59 Base address:0x2000
eth1 Link encap:Ethernet HWaddr 00:0C:29:39:56:80
inet addr:192.168.232.253 Bcast:192.168.232.255 Mask:255.255.255.0
inet6 addr: fe80::20c:29ff:fe39:5680/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:286 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:340 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:27164 (26.5 KiB) TX bytes:57425 (56.0 KiB)
Interrupt:67 Base address:0x2080
eth2 Link encap:Ethernet HWaddr 00:0C:29:39:56:8A
inet6 addr: fe80::20c:29ff:fe39:568a/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:723 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:200 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:53721 (52.4 KiB) TX bytes:40694 (39.7 KiB)
Interrupt:75 Base address:0x2400
lo Link encap:Local Loopback
inet addr:127.0.0.1 Mask:255.0.0.0
inet6 addr: ::1/128 Scope:Host
UP LOOPBACK RUNNING MTU:16436 Metric:1
RX packets:19 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:19 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:0
RX bytes:1517 (1.4 KiB) TX bytes:1517 (1.4 KiB)
ขึ้นแบบนี้ เท่ากับว่า พร้อมการ Setup PPPoE แบบ Bridge mode แล้ว เสร็จครึ่งแรก 3. นำสาย Lan (RJ-45) เสียบเข้า กับ eth0 และ eth2 แบบนี้
Modem-01 ==== สาย lan (RJ-45) ==== Eth0
Eth1 เสียบเข้า Switch อยู่แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมัน
Modem-02 ==== สาย lan (RJ-45) ==== Eth2
แบบเดียวกับการต่อ ของ CC นั่นหล่ะ ครับ
4. ทำการ ใส่ user และ Password ของ ADSL แต่หละเส้น ผมใช้ manual หมด หากมีของที่ Copy มาจาก CC อยู่แล้ว เอามาใส่ได้เลย
nano /etc/ppp/chap-secrets
ใส่ user pass เรียงตามนี้ไปเลยครับเข้าใจง่ายดี
"032389XXX@platinumcyber" * "032389XXX" #PPP0
"h1r66XXX@maxnet" * "XXXXXXXX" #PPP1
ตัวสีแดงหละสีเขียวไม่ต้องใส่ไปนะครับอธิบายให้เห็นว่า ppp0 อยู่บนสุด ppp1 อยู่อันที่สอง
nano /etc/ppp/pap-secrets
ใส่เหมือนกันเลย
"032389XXX@platinumcyber" * "032389XXX" #PPP0
"h1r66XXX@maxnet" * "XXXXXXXX" #PPP1
ตัวสีแดงหละสีเขียวไม่ต้องใส่ไปนะครับอธิบายให้เห็นว่า ppp0 อยู่บนสุด ppp1 อยู่อันที่สอง
5. ต่อเลยครับสร้าง scripts เวลาสั่ง network restart ได้ทำการ dial ADSL ให้เรา Auto
touch /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp0
touch /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp1
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp0
ใส่ค่าตามนี้สำหรับ ppp0
DEVICE="ppp0"
TYPE="xDSL"
USERCTL="no"
BOOTPROTO="dialup"
NAME="DSLppp0"
ONBOOT="yes"
PIDFILE="/var/run/pppoe-ppp0.pid"
FIREWALL="NONE"
PING="."
PPPOE_TIMEOUT="80"
LCP_FAILURE="5"
LCP_INTERVAL="20"
CLAMPMSS="1412"
CONNECT_POLL="6"
CONNECT_TIMEOUT="80"
DEFROUTE="no"
SYNCHRONOUS="no"
ETH="eth0"
PROVIDER="DSLppp0"
USER="0032389XXX@platinumcyber"
PEERDNS="no"
ต้องเหมือนกับ user ที่ใส่ไว้ใน chap-secrets ที่ทำไว้ก่อนหน้าทุกตัว
nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp1
ใส่ค่าตามนี้สำหรับ ppp1
DEVICE="ppp1"
TYPE="xDSL"
USERCTL="no"
BOOTPROTO="dialup"
NAME="DSLppp1"
ONBOOT="yes"
PIDFILE="/var/run/pppoe-ppp1.pid"
FIREWALL="NONE"
PING="."
PPPOE_TIMEOUT="80"
LCP_FAILURE="5"
LCP_INTERVAL="20"
CLAMPMSS="1412"
CONNECT_POLL="6"
CONNECT_TIMEOUT="80"
DEFROUTE="yes"
SYNCHRONOUS="no"
ETH="eth2"
PROVIDER="DSLppp1"
USER="h1r66XXX@maxnet"
PEERDNS="no"
ต้องเหมือนกับ user ที่ใส่ไว้ใน chap-secrets ที่ทำไว้ก่อนหน้าทุกตัว
เสร็จส่วนของการตั้งค่า ADSL สำหรับ CentOS 5.3 ครับ ทดสอบสั่ง service network restart
service network restart
หากทำถูกต้องหมดจะขึ้นแบบนี้
ติดไว้ก่อนครับพอดีมีคนใช้งาน อยู่เลยสั่งให้ตอนนี้ไม่ได้เดี่ยวเอามาใส่ให้ทีหลังครับ
สำหรับท่านที่ มี CC อยู่แล้วสามารถ copy file ดังต่อไปนี้มาทับที่เดียวกันได้เลยครับ
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth0
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth1
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth2
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp0
/etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-ppp1
/etc/ppp/chap-secrets
/etc/ppp/pap-secrets
0 comments:
Post a Comment